วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ต่างคนต่างพึ่งกัน

ต่างคนต่างพึ่งกัน



วันนี้ ก็อยากจะมาแสดงแง่คิดอะไรสักอย่างแก่ท่านทั้งหลาย  เผื่อว่าจะได้เกิดเป็นแนวความคิดที่เป็นคุณประโยชน์  ที่อาจจะเกิดกับสิ่งใหม่ๆ เรื่องใหม่ๆ สำหรับท่านทั้งหลายได้บ่าง  ไม่มากก็คงน้อย   ผมเองนั้นได้เล่าเรียนวิชชาอักขระขอมเริ่มต้น  จากพ่อครูกาหลงเป็นผู้ประสิทธิ์ตำราและแนะนำสั่งสอนให้ได้รู้หลักและเขียนภาษาขอมได้  และก็อาศัยค้นจากตำราต่างๆเพื่อทำความเข้าใจหลักปลีกย่อยเพิ่มเติมในสิ่งที่ยังไม่รู้  ในความรู้หนึ่งที่ได้จากการค้นคว้าคือได้รู้ว่า  ภาษาขอมเป็นภาษาหนึ่งที่ได้จดจารจารึกพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบมาให้เราได้ศึกษาและปฏิบัติ  โบราณจึงถือว่าอักษรขอมเป็นอักษรที่ศักดิ์สิทธิ์  จึงเป็นที่มาในการใช้ลงเลขยันต์คาถาและสักเสกกันสืบมาเป็นยุคเป็นสมัยมาถึงเราท่านทุกวันนี้   และด้วยความเข้าใจถึงคุณค่าของภาษานี้เอง   จึงทำให้ผมตระหนักไว้ในใจตนและเตือนใจตนเองว่า  เราควรเคารพในคุณของอักษรที่เราเล่าเรียน   ฉนั้นในการจารหรือสัก  ผมจึงถือในใจตนเองว่าจะไม่นำอักษรและลายยันต์ลงต่ำกว่าเอว   และตั่งแต่เล่าเรียนและเคยจารให้ศิษย์  ผมก็ไม่เคยเอาอักษรลงต่ำกว่าเอว   ด้วยความรู้สึกว่าอักษรทุกตัวได้เคยจารจดคำสอน  จารจดคาถาเลยยันต์ที่ทรงคุณค่า  ทั้งเป็นคุณธรรมอันยิ่งใหญ่และภูมิปัญญาแห่งครูอาจารย์ท่าน    ในส่วนตัวผมจึงไม่กล้าและไม่คิดจะเอาอักษรเหล่านี้ไปวางไว้ที่ไม่เหมาะสม   และด้วยความคิดเห็นส่วนตัวนี้  ก็ไม่ได้ต้องการจะยัดเยียดให้ศิษย์คนใดคนหนึ่ง  ในสิ่งที่กล่าวเพียงเพื่อแสดงให้ท่านได้คิดว่า  เราเองนั้นต่างก็ได้อาศัยสิ่งต่างๆเพื่อให้ตนเองได้ดำรงค์อยู่รอด  และได้รับประโยชน์ต่างๆจากสิ่งเหล่านั้น  มากบ่างน้อยบ่าง  เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเราก็ควรจะหันกลับมามองตนเองว่า  เราได้สำนึกและให้ความสำคัญแก่สิ่งรอบตัวเรามากน้อยเพียงใด  อันแสดงถึงความที่เป็นผู้มีจิตได้ยกระดับเป็นมนุษย์  ซึ่งมนุษย์แปลความหมายว่า  ผู้มีใจสูง  คือสูงด้วยคุณธรรม  และคุณธรรมหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าเป็นเครื่องหมายแห่งคนดีคือความมีกตัญญูกตเวทิตา   ฉนั้นเมื่อเราได้รับประโยชน์จากสิ่งต่างๆแล้ว  เราได้ตอบแทนอะไรเขาบ่าง  แม้การสำนึกระลึกคุณ  ทำความเคารพนอบน้อมกราบไหว้ให้เกียรติ   เราได้ทำหรือยัง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็เป็นเหตุปัจจัยพึ่งกันและกัน    เป็นต้น
เพราะเหตุอย่างนี้  ผมเองจึงได้ตระหนักและมีแนวคิดที่จะไม่เอาอักษรวางในบางที่ๆเห็นว่าไม่ควร  ด้วยให้ความเคารพนอบน้อมในพระธรรม  ในคุณครู   ในคุณอักขระ   แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านที่สักขาสักแข้งนั้นผิด  ทำไม่ถูก  เพราะความเป็นจริงหากจิตมีความเคารพแล้ว  ถ้าไม่ได้มีเจตนาไม่ดีในการกระทำก็ไม่ได้ผิดอะไร   เพราะที่แสดงตรงนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ความคิดเห็นแต่ละคนจะพิจจารนาเอา  ใครจะเอาแนวคิดผมไปปรับใช้ก็ได้หากพิจจารนาแล้วว่าเห็นสมควร   หรือจะไม่ทำก็ได้   สิ่งสำคัญในบทความนี้ที่ต้องการสื่อก็คือ  อยากให้ท่านได้เข้าใจถึงหลักของการพิจจารนา  และใช้แนวคิดเพื่อให้เกิดความรู้สึกกตัญญูกตเวที  ให้เกิดขึ้นมาในจิตตน   เพราะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอยๆ  ไม่ว่าดีหรือเลว  ไม่ว่าความคิด  คำพูด  การกระทำ   ล้วนเกิดขึ้นจากเหตุทั้งสิ้น  และเราต้องทำเอาเอง  ถ้าเราเป็นผู้แสวงหาความเจริญในจิตใจย่อมจะรู้แนวทางแห่งการใช้ปัญญา  โดยอาศัยหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นแนวพิจจารนาให้ได้ลงมือปฏิบัติได้อย่างถูกต้องดีงาม
ท้ายนี้ก็ขอให้ท่านทั้งหลายที่ติดตามข้อความผมมาตลอดได้ใช้ปัญญาใคร่ครวญให้เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด  และลงมือปฏิบัติเอา   อย่าเชื่อด้วยงมงายว่าผมเป็นครู  ครูพูดต้องถูก  เพียงแต่เชื่อไว้เพื่อรับฟัง  จะได้เป็นเหตุให้เกิดการคิดตามและทำตาม    "ไม่มีใครสอนเราได้  ถ้าเราไม่เอาคำสอนเขามาสอนตน"
สาธุๆๆ


 ต้องการลงโฆสนาติดต่อโดยตรงที่เบอร์   0869732570
เดือนละ150บาท  ต่อ  หนึ่งหัวข้อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น