วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เข้าสิง กับ เข้าทรง

เข้าสิง กับ เข้าทรง


ทรง หมายถึง การตั่งอยู่ การรักษาสภาพนั้นไว้ เข้าทรงจึงแปลว่าเข้าไปรักษาไว้ให้ตั่งอยู่ในสภาพนั้น
สิงสู่ หมายถึง เข้าอยู่ การอาศัยอยู่ ผีเข้าสิงสู่จึงหมายถึง ผีเข้ามาอยู่อาศัยพึ่งพิงร่างนั้น

เราอาจจะเข้าใจว่าเวลาทรงหรือเทพประทับร่าง ท่านได้เข้ามาสิงในร่าง ความจริงไม่ใช่ ในพระไตรปิฏกท่านว่ากลิ่นตัวของมนุษย์นี้เหม็นแรงมากเป็นที่รังเกียจแก่เทวดา แต่ภพของมนุษย์กับเทวดาคนละภพกัน เมื่อท่านมาสื่อกับผู้เป็นร่างท่านจึงสื่อทางจิต ฉนั้นคนที่ทำการทรงจึงต้องมีสมาธิจึงสื่อกับเทพได้ (กลิ่นศีลและธรรมจะหอมกลบ) การทรงจะเป็นภาพเชิงซ้อน ไม่ได้สิงสู่เหมือนผีคือเข้ามาอยู่ในร่าง ผีสามารถเข้าได้ไม่เหม็นเพราะเขาก็อยู่ภพที่เหม็นยิ่งกว่ามนุษย์อีก ต้องเข้าใจว่าการทรงเป็นการสื่อกับเทพทางจิต ท่านจึงเรียกอาการนี้ว่าทรง เพราะเป็นการเข้าไปตั่งจิตไว้รักษาไว้ซึ่งการสัมผัสนั้น ถ้าคนฝึกจิตสามารถเห็นอีกภพหนึ่งได้ นี้เป็นวิชชาหนึ่งในฤทธ์ทั้งแปดที่มีมาก่อนศาสนา ฤาษีที่ได้สมาธิท่านทำกันได้ เป็นตัวอย่าง ซึ่งการฝึกสมาธิได้ขั้นกลางๆนี้ก็สามารถเข้าถึงฤทธิ์เหล่านี้ได้ แต่จะให้ผลได้ตามกำลังสมาธิ  อุปมาเหมือน เด็กเมื่อโยนก้อนหินย่อมโยนไปได้ไม่ไกลเพราะกำลังน้อย  ส่วนผู้ใหญ่นั้นย่อมโยนไปได้ไกลกว่าเพราะกำลังมีมากกว่านั้นเอง  ส่วนคนที่มีทุนเดิมบารมีเดิมดีอยู่แล้ว  บางคนก็เป็นได้แม้ไม่ได้ฝึก การสื่อกับเทพได้ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่เรื่องยาก   หากพูดตามหลักธรรมแม้แต่เราเอง  ถึงยังไม่ตายก็เป็นเทพได้ เพราะเป็นได้ด้วยคุณธรรม  เทพมีคุณธรรมสองประการ คือหิริ โอตตัปปะ  ถ้าฝึกทำจิตให้มีธรรมสองประการนี้ก็เรียกได้ว่าขณะนั้นจิตของเราได้เป็นเทพ   ส่วนถ้าเราฝึกสมาธิได้มีคุณธรรมสูงกว่าเทวดา เทวดาก็จะช้วยเหลือเราได้เป็นเรื่องปกติ   ครูท่านเคยอุปมาไว้ว่าคนเรียนนายร้อยถึงยังไม่จบยังไงวันหนึ่งก็ต้องเป็นนายร้อย คนเป็นนายสิบก็ต้องให้ความเคารพอยู่ดี เทวดากับมนุษย์ก็เหมือนกัน ภพเทวดาอาจสูงกว่ามนุษย์ แต่มนุษย์สามารถยกจิตฝึกจิตให้สูงกว่าภพเทวดาได้ ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ฉนั้นเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเกินสักยภาพมนุษย์จะทำได้  ฉนั้นการทรงคือการสือจิตกับอีกภพแล้วตั่งจิตไว้ในอารมณ์ของภพนั้นๆ ง่ายๆ    ถ้าสื่อได้แล้วจะทรงก็ได้ไม่ทรงก็ได้ อยู่ที่ว่าเราจะยอมหรือไม่ยอม คนที่ยอมคือยกคุณท่านเป็นครู หรือยกท่านเป็นเจ้าชีวิต ก็แล้วแต่ปัญญาต่างกัน   ส่วนเมื่อทำการทรงแล้ว  บางคนก็จะสติดับไม่รู้เรื่อง  บางคนก็มีสติรู้อยู่มากบ่างน้อยบ่าง ในอาการกิริยาที่ตนแสดง  แต่บังคับตนเองไม่ได้   ถ้าคนเคยของขึ้นเพราะรอยสักจะเข้าใจ  เพราะเป็นอาการเดียวกัน  ต่างกันที่เหตุเท่านั้น   แต่ก็มีข้อให้พิจจารนาอีกว่า  คนที่มีองค์เทพมาทรงนั้นสามารถเป็นได้ทั้งผีและเทพ  ที่กล่าวอย่างนี้เพราะเมื่อเราเปิดจิตรับรู้กับอีกภพหนึ่ง  นั้นก็เป็นเหตุที่เราเปิดช่องทางให้สิ่งไม่ดีแทรกได้เช่นกัน  ปู่ต้อยท่านจะอธิบายว่า  มันมีทั้งกาขาวและกาดำ   ปกติกาแท้มันสีดำ  ส่วนของปลอมมันสีขาว   ภาวะที่ผีเข้าแทรกได้จะเป็นตอนที่เริ่มมีองค์ครูมาจับใหม่ๆ   ถ้าบางคนทำพิธีรับครูรับขันห้าและครอบมาผิดๆ  ไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นการรับเอาผีมาแทน  เช่นบางคนชอบรับแบบง่ายๆไม่อยากเสียเงินซื้อเครื่องบูชาครูก็จะทำเครื่องครูไม่สมบูรณ์  เวลาเชิญเทพหากเครื่องบวงทรวงไม่ครบและถูกต้อง เทพท่านก็ไม่มา  ผีก็จะมาแทนและแทรกในระหว่างพิธีได้   ในส่วนการทำพิธีรับขันห้าครอบครูทรง  จะต้องตั่งขันเครื่องบวงทรวงชุดใหญ่เหมือนการไหว้ครูประจำปี  ซึ่งต้องใช้งบมาก  ฉนั้นครูที่ท่านรู้หลักพิธีแต่ต้องการอนุเคราะห์ศิษย์  ก็จะให้แต่งเครื่องตามกำลังมารวมกับพิธีไหว้ครูประจำปี  เพราะในพิธีนั้นของบวงสรวงจะครบบริบูรณ์   การเชิญเทพก็จะสมบูรณ์    ส่วนคนที่สงสัยว่าคนมีองค์ทำไมต้องรับขัน   เหตุเพราะถ้าไม่ทำการรับขันครอบครูให้ถูกต้อง  ครูเทพที่ท่านต้องการสื่อกับเราท่านก็จะไม่สามารถสื่อกับเราได้สมบูรณ์  เพราะไม่มีที่เกาะที่ยึดเป็นหลักที่จะเป็นเครื่องสื่อกลางระว่างองค์ครูกับร่างทรง   ขันครูที่เรารับจากครูผู้เป็นเจ้าพิธีนั้นแหละคือสื่อกลางขององค์ครูกับร่างทรง  และบางคนไม่ทำการทำพิธีชีวิตก็จะมีแต่ปัญหาก็มี   ทั้งด้วยเหตุที่ว่าเมื่อจิตเราเปิดรับแล้ว  ผีมันก็เข้าแทรกได้   ท่านที่สงสัยเรื่ององค์นั้นและพิธีกรรม  ก็ได้อธิบายให้พอเกิดความเข้าใจ   ส่วนใครจะมีหรือไม่มีนั้น  ไม่ต้องไปแสวงหา  คนที่มีองค์ครูท่านจะสื่อให้รู้เองไม่ต้องตามหา    สัตว์โลกทั้งหลายต่างก็มีกรรมเป็นของๆตน  มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย  ไม่ว่าจะเป็น  พรหม  เทพเทวดา  มนุษย์   สัตว์  และภพภูมิอื่นๆ  ต่างก็มีกรรมดีกรรมชั่วของตนเป็นเผ่าพันธ์เป็นที่พึ่งอาศัยทั้งสิ้น   ขอให้ตั่งตนอยู่ในความดีการกระทำที่ดี  เราก็จะได้เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธ์ที่ดีที่สูง  มีมิตรที่ดีเป็นที่พึ่งพาแก่กันเด้อ  ....สาธุๆๆ
( การทรงคิดเอาไม่ได้ ที่เราหมายว่าอุปาทานเองไม่ได้ ใครว่าคิดเอาก็ลองมานั่นนึกว่าตนกำลังทรงเทพดูสิ มันจะเป็นใหม .. มันมีแต่จริงไม่จริง )
อุปปาทานหมายถึงความยึดมั่นถือมั่น ถ้าตราบใดยังมีกิเลสอยู่ก็ยังมีทุกคน แม้แต่คนพูด อ่านแล้วให้ตั่งเจตนาเพื่อเป็นข้อคิดพิจจารณา ให้เกิดสติปัญญา อย่าพึ่งเชื่อด้วยปักใจเชื่อ แต่จงเชื่อเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ สาธุๆๆๆ

มีข้อสงสัยอะไรพิมพ์ไว้ใต้โพส  ถ้าตอบได้จะตอบ หากเกินความรู้ความเข้าใจก็จะไม่ขอตอบ  ในข้อความทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวซึ่งก็อาจมีทั้งที่ถูกและผิด  ก็ขอให้ผู้อ่านตรองและพิจจารนาเอา  สาธุๆๆ



 ต้องการลงโฆสนาติดต่อโดยตรงที่เบอร์   0869732570

เดือนละ150บาท  ต่อ  หนึ่งหัวข้อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น